กระบวนการทางเทคโนโลยีสารสนเทศคืออะไร มีองค์ประกอบอะไรบ้าง
กระบวนการเทคโนโลยี (Technological Process) คือ ขั้น
ตอนการแก้ปัญหาหรือตอบสนองต่อความต้องการ
ซึ่งจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากทรัพยากรให้เป็นผลผลิตหรือผลลัพธ์
ระบบเทคโนโลยีประกอบด้วยกระบวนทางเทคโนโลยีทั้งหมด 7 ขั้นตอน ได้แก่1.กำหนดปัญหาหรือความต้องการ (Identification the problem,need or preference) 2.รวบรวมข้อมูลเพื่อแสวงหาวิธีการแก้ปัญหาหรือสนองความต้องการ (Information) 3.เลือกวิธีการแก้ปัญหาหรือสนองความต้องการ (Selection of the best possible solution)4.ออกแบบและปฏิบัติ 5.ทดสอบ (Testing to see if it works) 6.การปรับปรุง (Modification and improvement)7.ประเมินผล (Assessment)
จงให้คำนิยามของสิ่งต่อไปนี้ พร้อมทั้งแสดงให้เห็นว่าสิ่งเหล่านั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างไรบ้าง
-ข้อมูล -สารสนเทศ -ความรู้
1)ข้อมูล คือ ข้อเท็จจริงหรือเหตุการณ์เกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ เช่น คน สถานที่ สิ่งของต่าง ๆ ซึ่งมีการเก็บรวบรวมเอาไว้
2)สารสนเทศ คือ ข้อมูลที่ได้ผ่านกระบวนการประมวลผลแล้ว อาจใช้วิธีง่าย ๆ เช่น หาค่าเฉลี่ย หรือใช้ เทคนิคขั้นสูง
3)ความรู้ คือ ความเข้าใจในเรื่องบางเรื่อง หรือสิ่งบางสิ่ง ซึ่งอาจจะรวมไปถึงความสามารถในการนำสิ่งนั้นไปใช้เพื่อเป้าหมายบางประการ
.จงยกตัวอย่างจากประสบการณ์ของนักเรียนเองว่า ความรู้ช่วยในการตัดสินใจได้อย่างไร
เวลาเราเลือกซื้อของ เราต้องใช้ความรู้ในการพิจารณาของว่า มีความจำเป็นไหม ราคาเหมาสมรึป่าว ปริมาตรเเละคุณภาพเป็นอย่างไร
การเก็บรักษาข้อมูลและสารสนเทศมีวิธีอย่างไร และเก็บไว้เพื่อประโยชน์อะไร
การดูแลรักษาข้อมูล อาจประกอบด้วยกิจกรรมต่อไปนี้
(1) การ
เก็บรักษาข้อมูล การเก็บรักษาข้อมูล หมายถึง
การนำข้อมูลมาบันทึกเก็บไว้ในสื่อบันทึกต่างๆ เช่น แผ่นบันทึกข้อมูล
นอกจากนี้ยังรวมถึงการดูแล และทำสำเนาข้อมูลเพื่อให้ใช้งานต่อไปในอนาคตได้ (2) การทำสำเนาข้อมูล การทำสำเนาเพื่อเก็บรักษาข้อมูล หรือนำไปแจกจ่าย จึงควรคำนึงถึงความจุและความทนทานของสื่อบันทึกข้อมูล (3) การ
สื่อสารและเผยแพร่ข้อมูล
ข้อมูลต้องกระจายหรือส่งต่อไปยังผู้ใช้งานที่ห่างไกลได้ง่าย
การสื่อสารข้อมูลจึงเป็นเรื่องสำคัญและมีบทบาทที่สำคัญยิ่งที่จะทำให้การส่ง
ข่าวสารไปยังผู้ใช้ทำได้รวดเร็วและทันเวลา (4) การ
ปรับปรุงข้อมูล ข้อมูลที่จัดเก็บไว้มีจุดประสงค์เพื่อการใช้งาน เช่น
ในการตัดสินเพื่อดำเนินการ ดังนั้นข้อมูลจึงต้องมีการปรับปรุง
ให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา
และจัดเก็บอย่างเป็นระบบเพื่อการค้นหาได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน
ผู้บริหารต้องสามารถปฏิบัติงานได้รวดเร็วขึ้น
เพื่อตอบสนองต่อการแข่งขันตลอดจนการผลักดันของสังคมที่มีการใช้ระบบสื่อสาร
ข้อมูลที่ทันสมัยมากขึ้น การแข่งขันในธุรกิจจึงมากขึ้นตามลำดับ
มีการใช้คอมพิวเตอร์มาวิเคราะห์ แยกแยะ และจัดสรรข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ
เพื่อการตัดสินใจ ความ
ก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้คอมพิวเตอร์มีความสามารถมากขึ้น มีขนาดเล็กลง
และราคาถูกลง การนำคอมพิวเตอร์มาใช้งานจึงแพร่หลายอย่างรวดเร็ว
ตลอดจนระบบสื่อสารก้าวหน้ายิ่งขึ้น
ซึ่งเป็นผลทำให้ระบบสารสนเทศขององค์การที่ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้มี
ประสิทธิภาพมากขึ้น
การเผยแพร่สารสนเทศมีวัตถุประสงค์อย่างไร และต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง
วัตถุประสงค์ คือ เพื่อให้เกิดประสิทธิผลและประสิทธิภาพในการเผยแพร่และต้องคำนึงถึง กลุ่มคนที่เราต้องการให้รับรู้ในการเผยเเพร่
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เมื่อนักเรียนพบปัญหา ตามปกตินักเรียนจะหาคำตอบให้แก้ปัญหานั้นด้วยวิธีใดบ้าง จงบอกมา 3 วิธี พร้อมทั้งบอกว่าแต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียอย่างไร
ปัญหา คือ นอนไม่หลับ วิธีที่ 1 นอนเเต่หัวค่ำ ข้อดีนอนไปเรื่อยเดียวก็กลับเอง ข้อเสียทำได้ยากเพราะต้องทำการบ้าน วิธีที่ 2 หากิจกรรมทำก่อนนอน ข้อดี ง่วงทำให้หลับสบาย ข้อเสีย ต้องทำการบ้าน วิธีที่ 3 เปิดวิทยุ ข้อดีหลับง่าย ข้อเสียไม่มีใครปิดวิทยุให้ เปลืองไฟ
ปัญหาง่ายๆในชีวิตประจำวัน จำเป็นต้องใช้วิธีแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบหรือไม่ เพราะเหตุใด
จำเป็น เพราะ การแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบทำให้เรารู้ถึงปมปัญหา
การแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบมีขั้นตอนและวิธีการอย่างไร จงอธิบาย และมีประโยชน์อย่างไร
ขั้นตอนที่ 1 วิเคราะห์ปัญหาเพื่อหาประเด็นสำคัญของปัญหา ขั้นตอนที่ 2 หาแนวทางการแก้ปัญหา ขั้นตอนที่ 3 กำหนดรายละเอียดในการแก้ปัญหา ขั้นตอนที่ 4 พิจารณารายระเอียดว่าเหมาะสมหรือไม่ ขั้นตอนที่ 5 พิจารณามาตรการแก้ปัญหาว่าเพียงพอ
ประโยชน์ คือทำให้การเเก้ปัญหาง่ายขึ้น
จงยกตัวอย่างการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยในการแก้ปัญหาที่นักเรียนได้พบเห็นมาโดยเล่าเรื่องราวพอสังเขปและวิจารณ์ว่าเป็นการแก้ปัญหาที่เหมาะสมหรือไม่ เพราะเหตุใด
การทำงานที่พิมพ์ทีละมาก ให้Saveบ่อยจะได้กันเวลาไฟตกหรือไฟดับ
วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
หรรสากับค่ายลูกเสือ!! ^,^
สวัสดีค่ะ!ที่หายไปนานไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ เราแค่ไปเข้าค่ายมาเองงงง เหนื่อยยยมากกกกแต่สนุกน่ะค่ะ เราเลยจะมาแชร์ประสบการณ์ ที่แสนสนุก(?)ให้กับเพื่อนๆค่ะ
การเค้าค่ายลูกเสือของรร.เรานั้นจัดขึ้นในวันที่24-26 มกราคมที่ผ่านมจัดขึ้นที่ค่ายตชด. โดยวันแรกเราเดินทางไกลกันและเมื่อไปถึงก็จัดของกันแล้วไปลอดปากเสือค่ะ จากนั้น กางเต้นท์ และทำอาหาร
วันที่สอง(สุดโหดดดด) พวกเราตื่นกันตี5 เพื่อมาออกกำลังกาย มาทำอาหารเช้ากัน และทำธุรส่วนตัว ในตอนสายถึงเย็นก็มีกิจกรรมในฐานต่างๆเพื่อฝึกฝนพวกเราค่ะ ไม่ว่าเป็น
-บรรไดสูง
-กระโดดหอ
-เชือกคู่
-การนอนกลิ้งกับดิน(?)
-การลอดอุโมง
ในตอนเย็นมีกิจกรรมรอบกองไฟ และการแสดงต่างๆจากเพื่อนๆ
วันสุดท้าย
เราก็ตื่นตี5อีกเช่นเคย เเต่เป็นการตื่นที่ลำบากมากกก ปวดเมื่อยไปตามร่างกายเพราะกิจกรรมเมื่อวันที่สอง เราก็ออกกำลังกาย ทำอาหาร ทำธุระส่วนตัว ในตอนสายก็มาปิดกองและกลับบ้าน
ถามว่าค่ายนี้สนุกไหม? เราตอบเลยว่าสนุกและเหนื่อยพอๆกัน ยังเราก็ฝากให้ทุกคนที่ไม่ชอบการเข้าค่ายลูกเสือสักเท่าไหร่ ให้ลองเปิดใจแล้วสนุกไปกับมัน^^
การเค้าค่ายลูกเสือของรร.เรานั้นจัดขึ้นในวันที่24-26 มกราคมที่ผ่านมจัดขึ้นที่ค่ายตชด. โดยวันแรกเราเดินทางไกลกันและเมื่อไปถึงก็จัดของกันแล้วไปลอดปากเสือค่ะ จากนั้น กางเต้นท์ และทำอาหาร
วันที่สอง(สุดโหดดดด) พวกเราตื่นกันตี5 เพื่อมาออกกำลังกาย มาทำอาหารเช้ากัน และทำธุรส่วนตัว ในตอนสายถึงเย็นก็มีกิจกรรมในฐานต่างๆเพื่อฝึกฝนพวกเราค่ะ ไม่ว่าเป็น
-บรรไดสูง
-กระโดดหอ
-เชือกคู่
-การนอนกลิ้งกับดิน(?)
-การลอดอุโมง
ในตอนเย็นมีกิจกรรมรอบกองไฟ และการแสดงต่างๆจากเพื่อนๆ
วันสุดท้าย
เราก็ตื่นตี5อีกเช่นเคย เเต่เป็นการตื่นที่ลำบากมากกก ปวดเมื่อยไปตามร่างกายเพราะกิจกรรมเมื่อวันที่สอง เราก็ออกกำลังกาย ทำอาหาร ทำธุระส่วนตัว ในตอนสายก็มาปิดกองและกลับบ้าน
ถามว่าค่ายนี้สนุกไหม? เราตอบเลยว่าสนุกและเหนื่อยพอๆกัน ยังเราก็ฝากให้ทุกคนที่ไม่ชอบการเข้าค่ายลูกเสือสักเท่าไหร่ ให้ลองเปิดใจแล้วสนุกไปกับมัน^^
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)